วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Learning log out class 4

25/08/58

ทักษะการพูดหรือ speaking เป็นทักษะการฝึกฝนภาษาอังกฤษหากเราไม่ค่อยได้ใช้ ไม่ค่อยได้พูด เรายิ่งพัฒนาได้ช้า บางคนอาจจะบอกว่าไม่ค่อยฉลาด เรียนไม่ค่อยเก่ง ไม่มีความสามารถพูดภาษาคงพูดไม่ได้ หรืออาจคงใช้เวลาในการเรียนนาน การที่เราจะสามารถพูดภาษาใดๆได้นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความฉลาดของบุคคล เพราะคนเรานั้นสามารถเรียนรู้ได้ตัวเราเอง หรืออาจจะเป็นเพราะเราอยู่ในสภาพแวดล้อมของการใช้ภาษานั้นๆ สุดท้ายเราก็สามารถพูดภาษานั้นๆได้ อย่างเช่น หากเราอยู่ในสภาพแวดล้อมของการสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษตลอดเวลาในทุกๆวันจำทำให้การรับรู้ การพูด การคิด การตอบสนองต่อภาษาเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่นานก็สามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว การพูดภาษาอังกฤษได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามของสมองหรือใช้ให้น้อยที่สุดที่เหลือคือเป็นไปอัตโนมัติและความเป็นธรรมชาติ การพูดภาษาอังกฤษนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนวามารถฝึกฝนได้

การฝึกทักษะการพูดให้ได้ดีจะต้องไม่อาบที่จะพูด การที่เราจะพัฒนาการพูดภาษาอังกฤษของเราได้นั้นคือต้องฝึกพูดบ่อยๆ พูดออกไปให้มากที่สุดในช่วงแรกๆเราอาจจะพูดผิดบ่อย หรืออาจจะนึกคำศัพท์ไม่ออก บางครั้งอาจจะเรียบเรียงประโยคไม่ได้ เมื่อเราฝึกแรกๆอาจจะมีถูกบ้างผิดบ้าง เราต้องใช้ความพยายามและต้องไม่กลัวความผิดพลาด หากเราฝึกในช่วงแรกๆผิดบ่อยครั้งต่อๆไปก็พยายามปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น ฝึกพูดมาดขึ้น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องไวยากรณ์ อย่างน้อยให้ผู้ที่สื่อสารเข้าใจก่อนแล้วจึงค่อยพัฒนาทักษะให้เก่งขึ้นเรื่อยๆ เพราะการพัฒนาต้องใช้เวลาในการฝึกฝน ไม่ใช่ว่าจะพูดได้ดีในช่วงข้ามคืน หากเรามัวแต่คิดว่าตัวเองพูดไม่เก่ง พูดไม่ได้ ต่อให้ฝึกมาหลายปีก็ไม่เก่ง เพราะเราไม่เชื่อมั่นในตัวเอง กำลังบั่นทอนกำลังใจในตัวเองจึงทำให้มีการพัฒนาที่ล่าช้ากว่าเดิม หรือในบางครั้งบางคนอาจจะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เพราะคนแต่ละคนมีทักษะที่ไม่เหมือนกัน ถนัดไม่เหมือนกัน เป้าหมายในการฝึกทักษะที่สำคัญคือต้องเอาชนะใจตัวเองให้ได้ บางคนอาจจะเก่งในเรื่องแกรมมา เวลาพูดจึงใช้ tense ต่างๆเข้ามา เมื่อเราเอาตัวเองไปเปรียบเทียบก็ยิ่งทำให้เรากังวลและสับสนจนไม่กล้าที่จะพูด เพราะจะเป็นอุปสรรคในการฝึกพูด อาจจะทำให้พูดช้าลง หากไปสื่อสารกับคนอื่นบางครั้งเขาอาจจะพูดเรื่องอื่นไปแล้ว หากเราไปคำนึงถึงแกรมมามากอาจทำให้เกิดการกลัวความผิดพลาดจนไม่กล้าที่จะพูด เราจึงเอาความเคยชินจากชีวิตประจำวัน เช่นการอ่านบ่อยๆ ดูหนังบ่อยๆ หรือฟังเพลงจาก Youtube ที่มีการสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษจะทำให้เราได้คุ้นชินกับการใช้ประโยค หรือคำศัพท์ต่างๆ ถ้าเราได้ลองฝึกพูดตามสิ่งที่เราได้ยินหรือได้อ่านจะทำให้เราพูดเป็นธรรมชาติมากกว่าที่จะมานั่งคิดเป็นประโยค การที่เราได้เรียนรู้ศัพท์ใหม่ๆและสำนวนที่น่าสนใจมากมายทำให้จำและได้ฝึกพูดได้เห็นข้อผิดพลาดของตัวเองด้วยว่าเราออกเสียงคำไหนผิดพลาด บางครั้งเราอาจจะรู้ความหมายของคำศัพท์ แต่เวลาพูดกลับไม่รู้ว่าใช้อย่างไรหรือใช้ในกรณีไหน เวลาคำศัพท์ควรจำเป็นวลีหรือประโยค เพราะเราสามารถรู้วิธีการใช้ของคำๆนั้นอีกด้วย และพยายามเรียนรู้สำนวนให้มากที่สุด หากเราฝึกฝนเยอะๆก็สามารถพูดได้คล่องแคล่ว

ในการฝึกทักษะด้านการพูดภาษาอังกฤษหากเราทำได้อย่างที่กล่าวมาเราก็สามารถได้เรียนรู้และฝึกฝนหลากหลายวิธี แต่ถ้าหากเราฝึกอ่านและฝึกฟังมามากแต่เราปราศจากฝึกฝนหรือทดลองพูดก็ไม่สามารถที่จะพัฒนาการพูดภาษาอังกฤษได้ หากเรามีเพื่อนต่างชาติหรือได้แชทกับเพื่อนต่างชาติ หากิจกรรมยามว่างทำเพื่อให้มีโอกาสได้พูดคุยกันเพื่อจะได้ฝึกกับเจ้าของภาษาจริงๆ ทำมห้เราได้ฟังสำเนียงภาษาและน้ำเสียงของเขา และประโยคที่ถูกต้อง โดยการฝึกนี้มีหลากหลายวิธี แม้แต่เทคโนโลยีก็เป็นเครื่องมือหนึ่งในการค้นคว้าและฝึกฝนการพูดภาษาอังกฤษ อาจจะเป็นตัวช่วยในการฝึกออกเสียงคำศัพย์ที่เรายังไม่คุ้นชิน เพื่อได้ฟังวิธีการออกเสียงที่ถูกต้องเพราะสมัยนี้เป็นยุคแห่งเทคโนโลยีสามารถใช้เป็นตัวช่วยได้ในทุกๆเรื่อง ทำให้มีความสะดวกสบายขึ้นและยังมีวิธีการและตัวช่วยอีกมากมายในการฝึกการพูดภาษาอังกฤษ แต่สิ่งที่สำคัญสุดในการที่เราจะเก่งในการพูดได้นั้นคือการฝึกพูดด้วยตัวเราเอง หากเราหมั่นฝึกฝนบ่อยๆเราก็จะเป็นคนที่เก่งและพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วเหมือนเป็นภาษาเกิดของตัวเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น